หนุ่มถูก เจ้าหน้าที่ ตม.สุวรรณภูมิ กักตัวนานหลายชั่วโมง บอกมีหมายจับ แต่สุดท้ายไม่มี ทำตกเครื่องอดเที่ยวปีใหม่ที่ญี่ปุ่น หนุ่มทวงถามความรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่บอกให้ไปเช็คหมายจับเองอีกที ถ้าไม่มีจริงๆให้ไปร้องเรียกค่าเสียหายเอา
วันที่ 5 มกราคม 2567 นายดำรง ชุมศรี อายุ 33 ปี นำหลักฐานเข้าร้องกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ตนได้เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อถึงขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมือง กับถูกเจ้าหน้าที่ ฝ่าย ตม.ขาออก ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กักตัว โดยให้เหตุผลว่า ตนเองมีหมายจับ ที่ สภ.พระสมุทรเจดีย์ ในข้อหาอนาจารขัดต่อศีลธรรม ทำให้ไม่สามารถเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ซึ่งตนก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่า ตนเองไม่เคยก่อเหตุดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปยัง กองกำกับการสืบสวน บก.ตม.2 เพื่อดำเนินการ แต่เมื่อไปถึงตรวจสอบหมายจับอีกครั้งกับไม่พบหมายจับ พบเพียงประวัติคดีเก่าซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอนาจารแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัว แต่เวลาที่ล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ทำให้ตนตกเครื่อง ไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ เมื่อทวงถามความรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ไปร้องที่ส่วนกลางเอาเอง
นายดำรง ชุมศรี เล่าว่า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ตนจะเดินทางไปเที่ยวเค้าน์ดาวกับเพื่อนที่เมือง นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อไปถึงขั้นตอนของ ตม. ตนก็ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่และพิมพ์ลายนิ้วมือตามปกติ จากนั้นเจ้าหน้าที่บอกว่าตนเองมีหมาจับในคดีอนาจาร ตนก็บอกไปว่าตนไม่มีคดีอนาจารนะ ให้เช็คให้ตนอีกที ซึ่งตอนนั้นก็ใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ปล่อยตน และถามอีกว่าตนเคยก็เหตุอนาจารเมื่อปี 51 ไหม ตนก็ยืนยันไปเหมือนเดิมว่า ไม่มี ต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ทำหนังส่งตัวตนไปให้เจ้าหน้าที่สืบสวนชั้นล่าง เมื่อไปถึงพบแต่คดีเก่าที่สิ้นสุดไปแล้ว ไม่มีหมายจับแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ก็บอกให้กลับได้เลย ตนก็เลยทวงถามความรับผิดชอบ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ และยังบอกอีกว่าค่าตั๋วเครื่องบินและค่าเสียหายอื่นๆ อยากได้ต้องไปร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จดเลขคดีที่มีหมายจับให้ตนไปเดินเรื่องตรวจสอบเองที่โรงพัก ตนก็เดินทางไปขอตรวจสอบหมายจับ ที่โรงพัก ที่ศาลเยาวชนจังหวัดสมุทรปราการ ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ และติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยพาไปเช็คที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งสุดท้ายผลการตรวจสอบก็ไม่มีหมายจับ แต่อย่างใด ตนก็ยัง งง ว่าทำไมทาง ตม. ถึงตรวจพบหมายจับในคดีอนาจาร
นายดำรง บอกอีกว่า อยากให้ทางผู้เกี่ยวข้อง ออกมาชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ปล่อยตนให้เคว้งขว้าง และ เอาคดีมาให้ตนมาตามเอง เพราะถ้าหากตนจะเดินทางไปไหนก็ไปไม่ได้ ต้องมาติดคดีที่ตนไม่ได้ทำ และตอนเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีหมายจับ ตอนนั้นมีคนต่อแถวรออีกหลายคน ทำให้ตนอับอาย ส่วนเงินค่าเครื่องบิน สองหมื่นกว่าบาทนั้น ตนก็อยากได้คืน ส่วนเงินญี่ปุ่นที่ตนแลกมานั้นก็ต้องไปแลกคืนซึ่งก็ต้องเสียค่าธรรมเนียม ก็อยากให้ผู้เกี่ยวข้องมาชดใช้ด้วย
นายพัฒนศักดิ์ จันทร์ตรี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ตำบลแหลมฟ้าผ่า กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านว่า มีหมายจับที่ ตม.ซึ่งทำให้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นไม่ได้ ตนก็ลงมาดูข้อเท็จจริงและตรวจสอบว่ามีหมายจับตามที่ ตม.แจ้งไหม ก็ปรากฏว่า มีเพียงคดีเก่าที่สิ้นสุดไปแล้ว เมื่อวานที่ผ่านมาตนจึงพานายดำรง ไปตรวจสอบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกครั้ง เพื่อเช็คหมายจับ แต่ก็ไม่พบ เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้เขียนโนติส เข้าไปร้องเรียนเรียกค่าเสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเดี๋ยวทางตนจะร่างคำร้องเพื่อร้องเรียนต่อไป
ขณะที่ ผู้สื่อข่าวพยามยามติดต่อไปยัง ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่บอกเพียงว่า ต้องให้ส่วนกลางเป็นผู้ชี้แจง
สามารถติดตามเราเพิ่มได้ที่
Facebook : ข่าวสารเมืองปราการ V2
Tiktok : maungprakarn_v2